
การจะอธิบายเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่ายไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป หากคุณรู้จัก "คิดด้วยภาพ" หนังสือ DRAW YOUR THOUGHTS ของ DR. WOODY ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง MIT, Stanford และ Chicago ได้นำเสนอแนวคิดการเปลี่ยนข้อมูลที่ซับซ้อนให้กลายเป็นภาพที่เข้าใจง่ายด้วย 5 แผนภาพหลัก ที่ทุกคนสามารถนำไปปรับใช้ได้
5 แผนภาพที่เปลี่ยนโลกธุรกิจให้เข้าใจง่ายด้วยภาพ
DR. WOODY ได้แบ่งแผนภาพเพื่อการ คิดด้วยภาพ ออกเป็น 5 แบบ ซึ่งแต่ละแบบมีจุดประสงค์และวิธีการใช้งานที่แตกต่างกัน
-
F-Diagram (Flow diagram): แผนภาพเคลื่อนไหว
F-Diagram หรือ "แผนภาพเคลื่อนไหว" เป็นแผนภาพที่ถือเป็นพื้นฐานที่สุดของทุกแผนภาพ จุดมุ่งหมายหลักคือการแสดง การเคลื่อนที่ของข้อมูล หรือความเลื่อนไหลของสิ่งใดสิ่งหนึ่งคล้ายกับการเคลื่อนที่ของลมหรือน้ำ โดย DR. WOODY ใช้คำว่า Flow แทนการเคลื่อนไหลของข้อมูล ถ้าพูดในภาษาของนักเรียนคอมพิวเตอร์ แผนภาพนี้ก็เปรียบเสมือน Data flow diagram หรือ Flow chart นั่นเอง
จุดสังเกตหลักของ F-Diagram คือ "หัวลูกศร" ซึ่งเป็นตัวชี้ทิศทางว่าข้อมูลจะเลื่อนไหลจากหน่วยใดไปยังหน่วยใด ทำให้การนำเสนอเป็นไปอย่างกระชับและตรงไปตรงมา แผนภาพนี้ถูกนำไปประยุกต์ใช้ได้เป็นอย่างดีในงานบัญชีและระบบการคลัง เพราะช่วยให้เห็นภาพการเคลื่อนที่ของเงินสด หรือ Cash flow ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องให้ความสนใจ
-
C-Diagram (Causality diagram): แผนภาพเหตุผล
C-Diagram หรือ "แผนภาพเหตุผล" แม้จะดูเผินๆ คล้ายกับ F-Diagram ในแง่การแสดงความเลื่อนไหลของข้อมูลผ่าน "หัวลูกศร" จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่ในความเป็นจริง C-Diagram นั้นมีความ Advanced ขึ้นมาอีกขั้น เพราะมีการกำหนด "ค่าของข้อมูล" กำกับลงไปเหนือตัวลูกศร ทำให้สามารถแสดงความสัมพันธ์แบบเหตุและผลได้อย่างชัดเจนและมีรายละเอียดมากกว่า F-Diagram จึงเหมาะสำหรับการนำไปใช้อธิบายกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน เช่น ในด้านเศรษฐศาสตร์มหภาค
-
P-Diagram (Process diagram): แผนภาพกระบวนการ
P-Diagram หรือ "แผนภาพกระบวนการ" เป็นแผนภาพที่แสดง "จุดเชื่อมต่อ" หรือ "จุดพัก" ต่างๆ ของข้อมูลที่เลื่อนไหลไปเรื่อยๆ อันที่จริงเราสามารถใช้คำว่า "แผนภาพกระบวนการ" แทน "แผนภาพคำนวณ" ได้ตามที่ DR. WOODY ได้กล่าวไว้
ในมุมมองของการบริหารจัดการ P-Diagram เปรียบเสมือน PERT/CPM ที่ใช้สำหรับการวางแผนและประเมินผลโครงการ รวมถึงการแสดงจุดวิกฤตของกระบวนการทำงาน เนื่องจากข้อมูลในแผนภาพนี้สามารถเคลื่อนที่ไปได้หลายทาง แสดงทางเลือกของการเลื่อนไหล และสามารถย้อนคืนกลับไปมาได้อย่างอิสระตามเนื้องาน
-
R-Diagram (Relationship diagram): แผนภาพความสัมพันธ์
R-Diagram หรือ "แผนภาพสัมพันธ์" เป็นแผนภาพที่แตกต่างจากแผนภาพก่อนหน้า โดยมุ่งเน้นการแสดง "ความสัมพันธ์" ระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ถ้า F-Diagram และ C-Diagram เป็นภาษาภาพที่แสดงการเคลื่อนไหวของข้อมูล และ P-Diagram แสดงขั้นตอนสำคัญในกระบวนการทำงาน R-Diagram ก็คือแผนภาพที่เผยให้เห็น "ความสัมพันธ์" ของจุดต่างๆ ทั้ง "ความสัมพันธ์ภายใน" และ "ความสัมพันธ์ภายนอก"
R-Diagram จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับงานด้าน CSR (ความรับผิดชอบต่อสังคม) และ บรรษัทธรรมาภิบาล ที่ต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานทั้งภายในและภายนอกองค์กร
-
X-Diagram (Proportion diagram): แผนภาพสมดุล
X-Diagram หรือ "แผนภาพสมดุล" ที่ DR. WOODY บอกว่าสามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้สำหรับการบริหารได้ทุกรูปแบบ โดยพื้นฐานแล้วจะใช้ "แผนภาพวงกลม" หรือ Pie chart ที่คนไทยเรียกกันว่า "แผนภาพขนมเค้ก" เป็นรูปแสดงแทน "ส่วนแบ่ง" ต่างๆ จาก 100% เต็ม
นอกจากนี้ X-Diagram ยังสามารถนำไปผสมผสานกับแผนภาพอื่นได้อีกสองรูปแบบ ได้แก่ FX-diagram ที่ผสมระหว่าง F-diagram กับ X-diagram เหมาะสำหรับแสดงการไหลของข้อมูลพร้อมกับสัดส่วนแบ่งต่าง ๆ และ RX-diagram ที่ผสมระหว่าง R-diagram กับ X-diagram เหมาะสำหรับแสดงความสัมพันธ์ของข้อมูลพร้อมกับชี้ให้เห็นสัดส่วนที่ควรมี
การ "คิดด้วยภาพ" ไม่ใช่แค่การวาดรูป แต่คือการเปลี่ยนข้อมูลที่กระจัดกระจายให้เป็นระบบและเข้าใจง่ายด้วยตา ซึ่ง 5 แผนภาพจาก DR. WOODY ที่เราได้เรียนรู้ไปนี้เป็นเครื่องมือทรงพลังที่จะช่วยให้คุณสื่อสารเรื่องที่ยากได้อย่างมีประสิทธิภาพและชัดเจน